‣ ที่มา : (Youtube)
หนึ่งฤทัย บุญวงษ์ |
⁕ โย โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ
' พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น พระองค์ใด, เป็นพระอรหันต์,
ดับเพลิงกิเลส, เพลิงทุกข์สิ้นเชิง, ตรัสรู้ชอบได้ โดยพระองค์เอง,
⁕ ส๎วากขาโต เยนะ ภะคะวะตา ธัมโม' พระธรรมเป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ใด,
ตรัสไว้ดีแล้ว,
⁕ สุปะฏิปันโน ยัสสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ' พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์ใด
, ปฏิบัติดีแล้ว,
⁕ ตัมมะยัง ภะคะวันตัง สะธัมมัง สะสังฆัง, อิเมหิ สักกาเรหิ ยะถาระหัง อาโรปิเตหิ
อะภิปูชะยามะ' ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ขอบูชาอย่างยิ่ง
ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น, พร้อมทั้งพระธรรม
และพระสงฆ์, ด้วยเครื่องสักการะทั้งหลายเหล่านี้, อันยกขึ้นตามสมควรแล้วอย่างไร,
⁕ สาธุ โน ภันเต ภะคะวา สุจิระปะรินิพพุโตปิ' ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ, พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้
ปรินิพพานนานแล้ว, ทรงสร้างคุณอันสําเร็จประโยชน์ไว้แก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย,
⁕ ปัจฉิมาชะนะตานุกัมปะมานะสา'
ทรงมีพระหฤทัยอนุเคราะห์แก่พวกข้าพเจ้า,อันเป็นชนรุ่นหลัง,
⁕ อิเม สักกาเร ทุคคะตะปัณณาการะภูเต ปะฏิคคัณหาตุ' ขอพระผู้มีพระภาคเจ้า จงรับเครื่อง
สักการะ, อันเป็นบรรณาการของคนยากทั้งหลายเหล่านี้,
⁕ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะ.' เพื่อประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ตลอดกาล
นาน เทอญฯ ' พระผู้มีพระภาคเจ้า, เป็นพระอรหันต์, ดับเพลิงกิเลส เพลิง
ทุกข์สิ้นเชิง, ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง,
' ข้าพเจ้าอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้า, ผู้รู้ ผู้ตื่น
ผู้เบิกบาน,
' พระธรรม เป็นธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า, ตรัสไว้ดีแล้ว,
' ข้าพเจ้านมัสการพระธรรม,
' พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, ปฏิบัติดีแล้ว,
' ข้าพเจ้านอบน้อมพระสงฆ์
⁕ (หันทะ มะยัง พุทธัสสะ ภะคะวะโต ปุพพะภาคะนะมะการัง กะโรมะ เส)
' (เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความนอบน้อมอันเป็นส่วนเบื้องต้น
แด่พระผู้มีพระภาคเจ้าเถิด)
⁕ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต' ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า, พระองค์นั้น,
⁕ อะระหะโต' ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส,
⁕ สัมมาสัมพุทธัสสะ' ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง.
⁕ (หันทะ มะยัง พุทธานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส)
' (เชิญเถิด เราทั้งหลาย
ทำความตามระลึกถึงพระพุทธเจ้าเถิด)
⁕ ตัง โข ปะนะ ภะคะวันตัง เอวัง กัลยาโณ กิตติสัทโท อัพภุคคะโต' ก็กิตติศัพท์อันงามของพระ
ผู้มีพระภาคเจ้านั้น, ได้ฟุ้งไปแล้ว, อย่างนี้ว่า,
⁕ อิติปิ โส ภะคะวา' เพราะเหตุอย่างนี้ , พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น,
⁕ อะระหัง' เป็นผู้ไกลจากกิเลส,
⁕ สัมมาสัมพุทโธ' เป็นผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
⁕ วิชชาจะระณะสัมปันโน' เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ,
⁕ สุคะโต' เป็นผู้ไปแล้วด้วยดี,
⁕ โลกะวิทู' เป็นผู้รู้โลกอย่างแจ่มแจ้ง,
⁕ อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ'
เป็นผู้สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า,
⁕ สัตถา เทวะมนุสสานัง' เป็นครูผู้สอน ของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ,
⁕ พุทโธ' เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม,
⁕ ภะคะวาติ' เป็นผู้มีความจําเริญ จําแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ ดังนี้.
⁕ (หันทะ มะยัง พุทธาภิคีติง กะโรมะ เส)
' (เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความขับคาถา
พรรณนาเฉพาะพระพุทธเจ้าเถิด)
⁕ พุทธวาระหันตะวะระตาทิคุณาภิยุตโต' พระพุทธเจ้าประกอบด้วยคุณ, มีความประเสริฐแห่ง
อรหันตคุณ เป็นต้น,
⁕ สุทธาภิญาณะกะรุณาหิ สะมาคะตัตโต' มีพระองค์อันประกอบด้วยพระญาณ,และพระกรุณาอัน
บริสุทธิ์,
⁕ โพเธสิ โย สุชะนะตัง กะมะลังวะ สูโร' พระองค์ใด ทรงกระทําชนที่ดีให้เบิกบาน,ดุจอาทิตย์ทํา
บัวให้บาน,
⁕ วันทามะหัง ตะมะระณัง สิระสา ชิเนนทัง' ข้าพเจ้าไหว้พระชินสีห์, ผู้ไม่มีกิเลส พระองค์นั้น,
ด้วยเศียรเกล้า,
⁕ พุทโธ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง' พระพุทธเจ้า พระองค์ใด, เป็นสรณะอัน
เกษมสูงสุด ของสัตว์ทั้งหลาย,
⁕ ปะฐะมานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง' ข้าพเจ้าไหว้พระพุทธเจ้าพระองค์นั้น,
อันเป็นที่ตั้งแห่งความระลึกองค์ที่หนึ่งด้วยเศียรเกล้า,
⁕ พุทธัสสาหัส๎มิ ทาโส (ทาสี) วะ พุทโธ เม สามิกิสสะโร' ข้าพเจ้าเป็นทาส (หญิงว่า เป็นทาสี)
ของพระพุทธเจ้า, พระพุทธเจ้าเป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า,
⁕ พุทโธ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม' พระพุทธเจ้าเป็นเครื่องกําจัดทุกข์,
และทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า,
⁕ พุทธัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง' ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้ แด่พระพุทธเจ้า,
⁕ วันทันโตหัง (ตีหัง) จะริสสามิ พุทธัสเสวะ สุโพธิตัง' ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม, ซึ่ง
ความตรัสรู้ดีของพระพุทธเจ้า,
⁕ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง พุทโธ เม สะระณัง วะรัง' สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี,
พระพุทธเจ้าเป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า,
⁕ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน' ด้วยการกล่าวคําสัตย์นี้, ข้าพเจ้าพึงเจริญ
ในพระศาสนา ของพระศาสดา,
⁕ พุทธัง เม วันทะมาเนนะ (มานายะ) ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ' ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ ซึ่ง
พระพุทธเจ้า, ได้ขวนขวายบุญใดในบัดนี้,
⁕ สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา' อันตรายทั้งปวง อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้าด้วยเดช
แห่งบุญนั้น.
' ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี,
⁕ พุทเธ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง' กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทําแล้ว
ในพระพุทธเจ้า,
⁕ พุทโธ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง' ขอพระพุทธเจ้า จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น,
⁕ กาลันตะเร สังวะริตุง วะ พุทเธ' เพื่อการสํารวมระวัง ในพระพุทธเจ้า ในกาลต่อไป.
⁕ (หันทะ มะยัง ธัมมานุสสตินะยัง กะโรมะ เส)
' (เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความตามระลึกถึงพระธรรมเถิด)
⁕ ส๎วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม' พระธรรมเป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้า,
ได้ตรัสไว้ดีแล้ว,
⁕ สันทิฏฐิโก' เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง,
⁕ อะกาลิโก' เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ ไม่จํากัดกาล,
⁕ เอหิปัสสิโก' เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกะผู้อื่นว่า, ท่านจงมาดูเถิด,
⁕ โอปะนะยิโก' เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว,
⁕ ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ' เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้
⁕ (หันทะ มะยัง ธัมมาภิคีติง กะโรมะ เส)
' (เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความขับคาถา
พรรณนาเฉพาะพระธรรมเถิด)
⁕ ส๎วากขาตะตาทิคุณะโยคะวะเสนะ เสยโย' พระธรรมเป็นสิ่งที่ประเสริฐเพราะประกอบด้วยคุณ, คือ
ความที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วเป็นต้น,
⁕ โย มัคคะปากะปะริยัตติวิโมกขะเภโท' เป็นธรรมอันจําแนก เป็นมรรค ผล ปรัยัติ และนิพพาน,
⁕ ธัมโม กุโลกะปะตะนา ตะทะธาริธารี' เป็นธรรมทรงไว้ซึ่งผู้ทรงธรรม,
จากการตกไปสู่โลกที่ชั่ว,
⁕ วันทามะหัง ตะมะหะรัง วะระธัมมะเมตัง' ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมอันประเสริฐนั้น, อันเป็น
เครื่องขจัดเสียซึ่งความมืด,
⁕ ธัมโม โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง' พระธรรมใด เป็นสรณะอันเกษมสูงสุดของ
สัตว์ทั้งหลาย,
⁕ ทุติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง' ข้าพเจ้าไหว้พระธรรมนั้น, อันเป็นที่ตั้งแห่ง
ความระลึกองค์ที่สองด้วยเศียรเกล้า,
⁕ ธัมมัสสาหัส๎มิ ทาโส (ทาสี) วะ ธัมโม เม สามิกิสสะโร' ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระธรรม, พระ
ธรรมเป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า,
⁕ ธัมโม ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม' พระธรรมเป็นเครื่องกําจัดทุกข์, และ
ทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า,
⁕ ธัมมัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง' ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้ แด่พระธรรม,
⁕ วันทันโตหัง (ตีหัง) จะริสสามิ ธัมมัสเสวะ สุธัมมะตัง' ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ จักประพฤติตาม, ซึ่ง
ความดีงามของพระธรรม,
⁕ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง ธัมโม เม สะระณัง วะรัง' สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี, พระธรรม
เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า,
⁕ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน' ด้วยการกล่าวคําสัตย์นี้, ข้าพเจ้าพึงเจริญ
ในพระศาสนา ของพระศาสดา,
⁕ ธัมมัง เม วันทะมาเนนะ (มานายะ) ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ' ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ ซึ่งพระธรรม,
ได้ขวนขวายบุญใดในบัดนี้,
⁕ สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา' อันตรายทั้งปวง อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า, ด้วย
เดชแห่งบุญนั้น.
' ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี,
⁕ ธัมเม กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง' กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทําแล้ว ในพระธรรม,
⁕ ธัมโม ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง' ขอพระธรรม จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น,
⁕ กาลันตะเร สังวะริตุง วะ ธัมเม' เพื่อการสํารวมระวัง ในพระธรรม ในกาลต่อไป.
⁕ (หันทะ มะยัง สังฆานุสสะตินะยัง กะโรมะ เส)
' (เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความตามระลึกถึงพระสงฆ์เถิด)
⁕ สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ' สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด, ปฏิบัติดีแล้ว,
⁕ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ' สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า, หมู่ใด, ปฏิบัติตรง
แล้ว,
⁕ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ' สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด,
ปฏิบัติเพื่อรู้ธรรมเป็นเครื่องออกจากทุกข์แล้ว,
⁕ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ' สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า หมู่ใด,
ปฏิบัติสมควรแล้ว
⁕ ยะทิทัง' ได้แก่บุคคลเหล่านี้ คือ,
⁕ จัตตาริ ปุริสะยุคานิ' คู่แห่งบุรุษ ๔ คู่,
⁕ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา' นับเรียงตัวบุรุษ ได้ ๘ บุรุษ,
⁕ เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ' นั่นแหละ สงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า,
⁕ อาหุเนยโย' เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขานํามาบูชา,
⁕ ปาหุเนยโย' เป็นสงฆ์ควรแก่สักการะที่เขาจัดไว้ต้อนรับ,
⁕ ทักขิเณยโย' เป็นผู้ควรรับทักษิณาทาน,
⁕ อัญชะลีกะระณีโย' เป็นผู้ที่บุคคลทั่วไปควรทําอัญชลี,
⁕ อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ' เป็นเนื้อนาบุญของโลก,ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ดังนี้
⁕ (หันทะ มะยัง สังฆาภิคีติง กะโรมะ เส)
' (เชิญเถิด เราทั้งหลาย ทำความขับคาถา
พรรณนาเฉพาะพระสงฆ์เถิด)
⁕ สัทธัมมะโช สุปะฏิปัตติคุณาทิยุตโต' พระสงฆ์ที่เกิดโดยพระสัทธรรม, ประกอบด้วยคุณมีความ
ปฏิบัติดีเป็นต้น,
⁕ โยฏฐัพพิโธ อะริยะปุคคะละสังฆะเสฏโฐ' เป็นหมู่แห่งพระอริยบุคคลอันประเสริฐแปดจําพวก,
⁕ สีลาทิธัมมะปะวะราสะยะกายะจิตโต' มีกายและจิต อันอาศัยธรรมมีศีลเป็นต้นอันบวร,
⁕ วันทามะหัง ตะมะริยานะ คะณัง สุสุทธัง' ข้าพเจ้าไหว้หมู่แห่งพระอริยเจ้าเหล่านั้น, อันบริสุทธิ์
ด้วยดี,
⁕ สังโฆ โย สัพพะปาณีนัง สะระณัง เขมะมุตตะมัง' พระสงฆ์หมู่ใด, เป็นสรณะอันเกษม
สูงสุด ของสัตว์ทั้งหลาย,
⁕ ตะติยานุสสะติฏฐานัง วันทามิ ตัง สิเรนะหัง' ข้าพเจ้าไหว้พระสงฆ์หมู่นั้น, อันเป็นที่ตั้งแห่งความ
ระลึกองค์ที่สาม ด้วยเศียรเกล้า,
⁕ สังฆัสสาหัส๎มิ ทาโส (ทาสี) วะ สังโฆ เม สามิกิสสะโร' ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระสงฆ์, พระสงฆ์
เป็นนาย มีอิสระเหนือข้าพเจ้า,
⁕ สังโฆ ทุกขัสสะ ฆาตา จะ วิธาตา จะ หิตัสสะ เม' พระสงฆ์เป็นเครื่องกําจัดทุกข์, และ
ทรงไว้ซึ่งประโยชน์แก่ข้าพเจ้า,
⁕ สังฆัสสาหัง นิยยาเทมิ สะรีรัญชีวิตัญจิทัง' ข้าพเจ้ามอบกายถวายชีวิตนี้ แด่พระสงฆ์,
⁕ วันทันโตหัง (ตีหัง) จะริสสามิ สังฆัสโสปะฏิปันนะตัง' ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่จักประพฤติตาม, ซึ่ง
ความปฏิบัติดี ของพระสงฆ์,
⁕ นัตถิ เม สะระณัง อัญญัง สังโฆ เม สะระณัง วะรัง' สรณะอื่นของข้าพเจ้าไม่มี, พระสงฆ์
เป็นสรณะอันประเสริฐของข้าพเจ้า,
⁕ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ วัฑเฒยยัง สัตถุ สาสะเน' ด้วยการกล่าวคําสัตย์นี้, ข้าพเจ้าพึงเจริญ
ในพระศาสนา ของพระศาสดา,
⁕ สังฆัง เม วันทะมาเนนะ (มานายะ) ยัง ปุญญัง ปะสุตัง อิธะ' ข้าพเจ้าผู้ไหว้อยู่ ซึ่งพระสงฆ์,
ได้ขวนขวายบุญใด ในบัดนี้,
⁕ สัพเพปิ อันตะรายา เม มาเหสุง ตัสสะ เตชะสา.' อันตรายทั้งปวง อย่าได้มีแก่ข้าพเจ้า,
ด้วยเดชแห่งบุญนั้น.
' ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี,
⁕ สังเฆ กุกัมมัง ปะกะตัง มะยา ยัง' กรรมน่าติเตียนอันใด ที่ข้าพเจ้ากระทําแล้ว ในพระสงฆ์,
⁕ สังโฆ ปะฏิคคัณหะตุ อัจจะยันตัง' ขอพระสงฆ์ จงงดซึ่งโทษล่วงเกินอันนั้น,
⁕ กาลันตะเร สังวะริตุง วะ สังเฆ.' เพื่อการสํารวมระวัง ในพระสงฆ์ ในกาลต่อไป.
⁕ (หันทะ มะยัง อุททิสสะนาธิฏฐานะคาถาโย ภะณามะ เส)
' (เชิญเถิด เราทั้งหลาย จงสวดคาถาอุทิศและอธิษฐานเถิด)
⁕ อิมินา ปุญญะกัมเมนะ' ด้วยบุญนี้ อุทิศให้ ⁕ อุปัชฌายา คุณุตตะรา ' อุปัชฌาย์ ผู้เลิศคุณ
⁕ อาจริยูปะการา จะ ' และอาจารย์ ผู้เกื้อหนุน
⁕ มาตาปิตา จะ ญาตะกา (ปิยา มะมัง) ' ทั้งพ่อแม่
และปวงญาติ (ผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า) ⁕ สุริโย จันทิมา ราชา ' สูรย์จันทร์ และราชา ⁕ คุณะวันตา นะราปิ จะ ' ผู้ทรงคุณ หรือสูงชาติ
⁕ พ๎รัห๎มะมารา จะ อินทา จะ ' พรหมมาร และอินทราช
⁕ โลกะปาลา จะ เทวะตา ' ทั้งเทวยเทพและโลกบาล ⁕ ยะโม มิตตา มะนุสสา จะ ' ยมราช มนุษย์มิตร ⁕ มัชฌัตตา เวริกาปิ จะ ' ผู้เป็นกลาง ผู้จองผลาญ
⁕ สัพเพ สัตตา สุขี โหนตุ ' ขอให้เป็นสุขศานติ์
ทุกทั่วหน้าอย่าทุกข์ทน ⁕ ปุญญานิ ปะกะตานิ เม ' บุญผองที่ข้าพเจ้าทํา
จงช่วยอํานวยสุภผล ⁕ สุขัง จะ ติวิธัง เทนตุ ' ให้สุข สามอย่างล้น
⁕ ขิปปัง ปาเปถะ โว มะตัง ' ให้ลุถึงนิพพานพลัน
⁕ อิมินา ปุญญะกัมเมนะ ' ด้วยบุญนี้ ⁕ อิมินา อุททิเสนะ จะ ' แลอุทิศให้ปวงสัตว์ ⁕ ขิปปาหัง สุละเภ เจวะ ' เราพลันได้ซึ่งการตัด
⁕ ตัณหุปาทานะเฉทะนัง ' ตัวตัณหา อุปาทาน ⁕ เย สันตาเน หินา ธัมมา ' สิ่งชั่ว ในดวงใจ ⁕ ยาวะ นิพพานะโต มะมัง ' กว่าเราจะถึงนิพพาน ⁕ นัสสันตุ สัพพะทา เยวะ ' มลายสิ้น จากสันดาน
⁕ ยัตถะ ชาโต ภะเว ภะเว ' ทุกๆ ภพที่เราเกิด ⁕ อุชุจิตตัง สะติปัญญา ' มีจิตตรง
และสติทั้งปัญญาอันประเสริฐ ⁕ สัลเลโข วิริยัมหินา '
พร้อมทั้งความเพียรเลิศเป็นเครื่องขูดกิเลสหาย ⁕ มารา ละภันตุ โนกาสัง ' โอกาส
อย่าพึงมีแก่หมู่มารสิ้นทั้งหลาย ⁕ กาตุญจะ วิริเยสุ เม ' เป็นช่องประทุษร้าย ทําลายล้าง
ความเพียรจม ⁕ พุทธาทิปะวะโร นาโถ ' พระพุทธผู้บวรนาถ ⁕ ธัมโม นาโถ วะรุตตะโม ' พระธรรมที่พึ่งอุดม ⁕ นาโถ ปัจเจกะพุทโธ จะ ' พระปัจเจกะพุทธสมบท ⁕ สังโฆ นาโถตตะโร มะมัง ' พระสงฆ์ที่พึ่งผยอง
⁕ เตโสตตะมานุภาเวนะ ' ด้วยอานุภาพนั้น ⁕ มาโรกาสัง ละภันตุ มา ฯ ' ขอหมู่มาร อย่าได้ช่อง
⁕ ทะสะปุญญานุภาเวนะ ' ด้วยเดชบุญ ทั้งสิบป้อง
⁕ มาโรกาสัง ละภันตุ มา ' อย่าเปิดโอกาสแก่มารเทอญ.
|